เที่ยวฮ่องกงเองชิลๆ4วัน3คืน นั่งEmirateดียังไงบ้าง ! #hk

เริ่มต้นกับบล้อคใหม่ที่นานๆจะอัพเดท มาเที่ยวฮ่องกงกันดีกว่า
ทริปนี่เป็นทริป กิน เที่ยว ชอปแบบชิลๆๆไม่รีบ วันหยุดยาวถ้าหาที่ไปเที่ยวแบบง่ายๆไม่ต้องจัดแผนมาก ต้องที่ฮ่องกง เพราะเดินทางแค่ชั่วโมงกว่า มีของกินเที่ยวเยอะ การเดินทางสะดวก เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร ทำให้สะดวกไม่ต้องวางแผนนานเลย ใครอยากไปบ้างจะก้อปแพลนเราไปก็ได้เลยนะคะ ^^
รอบนี้เลือกใช้บริการของ Emirates airline สะดวกสบาย ที่เราชอบมากคือเลาจ์ที่สนามบินค่ะ
Emirates มีรอบบินจากไทยไปฮ่องกงแค่วันละ 1รอบ คือตอนบ่าย 2 ตื่นเช้าประมาณ 7-8โมงไปสนามบินได้ เชคอินได้สบายค่า เราซื้อตั๋วเองไม่ได้มีสปอนเซอร์แต่อย่างใด แต่ประทับใจจริงค่ะ
ในส่วนของเลาจ์ จะมีทั้งที่นั่งที่สะดวกสบาย มีไวไฟ ปลั๊กที่ชาร์จ บาร์เครื่องดื่ม มีบาร์อาหารน่าทานมากๆ อาหารหลากหลาย มีขนมเบเกอรี่ ผลไม้ มีโต๊ะทานอาหาร ที่นั่งทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ มีห้องอาบน้ำให้บริการ ก่อนเข้าเพียงโชว์ตั๋วเครื่องบินของสายการบินก็เข้าได้แล้วค่ะ ตอนที่เข้าไปคนใช้บริการไม่เยอะนะคะ มีพนักงานดูแลอย่างดี
Day 1 : ออกจากไทย 14.00 ถึงฮ่องกง 18.05 น. เดินเล่นรอบจิมซาจุ่ยนิดหน่อย
บรรยากาศของ business class ค่ะ
พอขึ้นมาแล้วจะมี เครื่องดื่มเป็น complimentary เสิร์ฟให้นะคะ เราเลือกได้
สักพักถึงเวลาอาหารเสิร์ฟแล้วค่า อาหารสามารถเลือกก่อนขึ้นบินได้ ถ้าต้องการอาหารพิเศษ เช่น low carb, vegetarian , ฮาลาล ถ้าเราไม่เลือกอะไรพิเศษก็จะมีเมนูสองอย่างให้เลือกค่า
อาหารก็จะน่ากินประมาณนี้^^ จริงๆยังไม่หิวเลยนะคะเพราะตอนไปนั่งเลาจ์ก็กินไป1รอบแล้ว
พอกินเสร็จดูหนัง นั่งๆนอนๆ แต่นอนไม่หลับค่ะ แป้บเดียวก็ถึงสนามบินฮ่องกงแล้ว
พอมาถึงต้องซื้อบัตรโดยสาร Octopus card ที่เคาเตอร์ airport express ใกล้ๆทางออกสนามบินค่า แล้วก็จะเดินทางต่อไปโรงแรม เราใช้การเดินทางโดยรถบัสA2 ไปที่จิมซาจุ่ยค่า
พอขึ้นรถแล้ว จะมีที่ให้วางสัมภาระกระเป๋าของทุกคน ใกล้ๆทางขึ้น เสร็จเราก็ไปหาที่นั่งด้านหลัง หรือชั้น2 รถสายนี้จอดทุกป้าย มีจอแสดงว่าป้ายต่อไปที่ไหน ไม่ต้องห่วงเลยนะคะ
พอถึงจิมซาจุ่ยสถานีที่เราลง ก็เดินอีกประมาณ500เมตรถึงโรงแรม ที่เราจะพักคือ Mira hotel ค่ะ
เป็นโรงแรม 5 ดาว เดินทางสะดวก ใจกลางจิมซาจุ่ย และห้องกว้างขวาง บริการดี
ทางเดินจะสลัวๆนิดนึง
ในห้องจะมีห้องน้ำในตัวกว้างขวาง ห้องน้ำปรับมู่ลี่ลงได้ไม่ต้องเป็นกระจกตลอด ><
ในห้องมีบริการไวไฟ มีน้ำดื่ม ทีวี แชมพู สบู่ ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม ครบค่ะ
คืนแรกถึงที่พักประมาณ สามทุ่มยังมีแรงเลยไปเดินเล่นรอบๆจิ่มซาจุ่ยต่อ อ้อ ลืมบอกว่าจริงๆโรงแรมนี้ติดกับห้างของ Mira ชื่อ Mira placeข้ามซอยก็จะเจอห้างเลย หรือจะเดินวนรอบๆก็มีร้านค้าที่ยังเปิดอยู่ ไปหาของกินกันต่อค่ะ
ร้านที่จะกินเราก็หามาจากในเนท เป็นร้านดังในเวปบอร์ดฮ่องกงแฟนคลับ อยู่ใกล้ที่พักด้วย คือ
ร้าน Relax for a while เจ้าของร้านเข้าใจภาษาไทย รู้ว่าเรามาจากไทยด้วยค่า เพราะคนไทยไปกินเยอะมากเลย
เมนูเด็ดร้านนี้คือ ข้าวหมูทอดกระเทียม
ปริมาณอาหารต่อจานที่นี่คือเยอะ เท่ากับสองเท่าในไทยนะคะ ราคาต่อจานก็เริ่มต้นประมาณ 100บาท++ สำหรับร้านนี้ เราชอบก๋วยเตี๋ยวหลอดค่ะ ข้าวหมูทอด ส่วนปาท่องโก๋เฉยๆไม่กรอบไม่ร้อนเหมือนเมืองไทยค่ะ
เดินเล่นรอบๆโรงแรมแถวจิมซาจุ่ยต่อ ที่ฮ่องกงจะคึกคักกันถึง4-5ทุ่มเลยนะคะ ยังเห็นคนเดินกินข้าวชอปปิงแถวย่านนี้เยอะแยะเลย ส่วนเสื้อผ้าที่เราเก็บภาพมาฝาก จริงๆก็แต่งตัวคล้ายคนไทยมากเลย คือสีสัน ลายดอก มิกซ์แอนด์แมตช์ เดรสลาย
Day 2 : ไปนั่งกระเช้านอนปิง/ ไหว้พระใหญ่ Tian tan /เดินถนนรองเท้า /ชอปปิ้งห้าง Habour
เดินทางต่อกันดีกว่ากับเช้าวันที่ 2 ตอนเช้าหาโจ๊กใกล้ๆโรงแรมกินค่ะ เป็นโจ๊กปลา รสชาติโอเค สิ่งที่แตกต่างกับโจ๊กไทยคือ ที่นี่เค้าจะเป็นเนื้อเนียนมากๆๆๆ รสชาติกลมกล่อมแบบไม่หวาน ไม่เค็ม แต่รสรวมๆออกมาจะดีงามมากๆอธิบายไม่ถูกเลย
วันที่ 2 เราเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Tung chung เพื่อมาไหว้วัด Tian Tan Buddha ต้องนั่งกระเช้าเพื่อขึ้นไป ตอนก่อนมาฮ่องกง เราจองออนไลน์ไว้เรียบร้อย เราจะไม่เสียเวลาต่อคิวซื้อบัตรหรือต้องออกบัตรเลยค่ะ ปรินท์มาเองแล้วก็ไปต่อแถวรอขึ้นได้เลยน้า วันนี้ฝนตั้งเค้ามาแต่เช้าเลยค่ะ พอไปถึงต่อคิวประมาณ 40 นาทีขนาดคิววันนี้ยังไม่เยอะมาก แต่คนก็เยอะแล้วค่ะ
กระเช้ามีให้เลือก2แบบ แบบธรรมดากับแบบ กระจก 360องศา คือพื้นเป็นกระจกด้วย แต่เราเลือกแบบธรรมดาค่ะ วิวก็จะสูงๆสวยๆชิลๆเลย
ตอนเราถึงด้านบนก็ฝนตกแล้วค่ะ ต้องกางร่ม ใส่เสื้อฝนเลย เลยไม่ค่อยได้ถ่ายกล้องแล้ว ใช้ไอโฟนแทน พอถึงก็ขึ้นไปไหว้พระ และมาตรงจุดที่รับพลังตรงกลางที่พระใหญ่มองมาที่เราพอดี จริงๆเราก็ไม่รู้ว่ามีจุดนี้นะคะ แต่ได้ยินคนไทยทำแบบนี้กันก็เลยทำตามค่ะ ^^
พอไหว้พระแล้ว เราก็ลงนั่งกระเช้าลงมาข้างล่างค่ะ ต้องรีบลงก่อนคนจะเยอะ และหาที่ทานข้าวกลางวัน เราก็เสิร์ชหาตอนนั้นเลย อยากกินง่ายๆเลยลองไปที่ตลาดฝั่งตรงข้าม ร้านอาหารแถวสถานีรถไฟ Tung chung วิธีเดินทางให้ข้ามทางเชื่อมสะพานลอยของสถานี ไปห้าง Fu Tung Plaza เจอบันไดเลื่อนแล้ว ลงมาข้างล่างเลยค่ะ บรรยากาศจะเหมือนเป็นฟ้าสฟูดที่ขายอาหารสด และร้านอาหารรอบๆ เท่าที่สังเกตคนฮ่องกงก็นิยมซื้อข้าวกล่องไปกินกัน เราก็เลยทำแบบนั้นบ้าง ร้านที่เราเล็งคือ ข้าวหน้าเป็ด/ไก่/หมูกรอบค่ะ
มื้อนี้ทานง่ายๆเลย หาที่นั่งใกล้แถวนั้นนั่งทานข้าวกล่องเลย มื้อนี้33เหรียญฮ่องกง อร่อยมาก อาหารที่นี่ราคาค่อนข้างแพง โดยเฉพาะน้ำเปล่าขวดละประมาณ 9เหรียญค่ะ
พอทานข้าวกลางวันแล้ว เราก็ไปชอปปิงที่ Outlet ชื่อดัง Citygate ต่อค่ะ เป็นห้างที่รวบรวมของลดราคาแบรนด์ต่างๆ เราเดินโฉบๆไปหลายๆร้าน สำหรับเราคิดว่าราคาไม่ได้ถูกมากนะคะ เลยไม่ได้ซื้ออะไรเลย กะว่าจะลองไปเดินห้างอื่นๆต่อด้วยเลยผ่านไปก่อน
ไปชอปปิ้งต่อที่ Sneaker street ลงที่สถานี Mongkok มีรองเท้าผ้าใบ ให้เลือกเยอะมากๆ ส่วนมากจะเป็นรุ่นลิมิเต็ด คนที่นี่และนักท่องเที่ยวมาดูรุ่นใหม่ๆแพงๆฮิตๆกันเยอะมากค่ะ และตอนนี้ฝนก้ตกด้วย เลยไม่ได้ถ่ายรูปต่อค่ะ
หลังชอปปิงที่มงก้ก ได้รองเท้ามาแล้ว เราหิวมาก เลยจิ้มๆร้านแบบลองเข้าไปกินเลยตรงแถวมงก้กค่ะ มื้อค่ำวันนี้
ที่ชอบสุดคือติ่มซำค่ะ หมูกรอบนิ่มและไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่
หลังจากเติมพลังแล้วก็ไปชอปปิ้งต่อที่ ห้าง Habour ค่า
โดยขึ้นรถไฟฟ้า หรือจะเดินจากจิมซาจุ่ยไปก็ได้นะคะ ถ้าอยากชิลๆก็เดินไปเรื่อยจนเกือบถึง Victoria habour ก็จะเจอห้างใหญ่สุดอลังการ ห้าง Habour จะคล้ายๆกับ Gaysorn Central Embassy Emqoutier บ้านเราคือ มีร้านไฮเอนด์แบรนด์เนมมากมาย และใหญ่มากกกกกก ร้านแบรนด์เนมที่ฮ่องกงไม่มีVat นะคะ ที่เราเจอเยอะมากๆๆๆคือนักท่องเที่ยวจีนมาชอปปิ้งแบรนด์เนม ซื้อกันแบบง่ายดายสุดๆ หยิบซื้อๆเยอะมากๆค่ะ
จบวันแบบหมดพลังจริงๆแล้ววันนี้ ลุยต่อวันที่ 3